เวรกรรมกับพระ !?!

เรื่องเล่าเวรกรรมที่ทำกับพระ 1.บาปแข่งบุญ เป็นกรรมของคนบาปคิดเอาตัวเองแข่งกับพระ 2.พระตั้งผู้สงบนิ่ง บาปนั้นคืนสนองกับผู้ไม่รู้ 3.หลวงพ่อตี๋ ผู้หนีเวรวรรมไม่พ้น “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” ... http://winne.ws/n20811

2.3 พัน ผู้เข้าชม

1. บาป แข่ง บุญ

การพยายามโน้มน้าวชักจูงชาวบ้านให้ดื่มด่ำในรสพระธรรมคำสอนนั้นยาก

ชาวบ้านเชื่อผีมากกว่าเชื่อพระ เพราะเรื่องภูตผีปีศาจถูกปลูกฝังมาชนิดฝังหัวแล้ว

การจะเปลี่ยนไปเชื่ออย่างอื่นนั้นย่อมยาก

ชาวบ้านแบ่งเป็น 3 กลุ่ม 

1.เชื่อในพระรัตนตรัย 

2.ดูท่าทีและวางเฉย

3.ไม่เชื่อและต่อต้าน


หลวงพ่อบอกว่ากลุ่มที่น่าสงสารสุดคือกลุ่มสุดท้ายคือไม่ยอมเชื่อและต่อต้าน

ท่านว่าน่าสงสารเพราะ บุคคลที่มีไฟกองใหญ่ลุกโพลงอยู่ในหัวใจตลอดเวลา

ย่อมได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

ไฟที่ว่าคือ ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง"

เวรกรรมกับพระ !?!http://www.kalyanamitra.org/th/images/dailydhamma/2557/11/571122_a101.jpg

คนที่ร่ำรวยแต่ไม่มีความสุขเพราะจิตใจระอุอยู่กับความอยาก

ความอิจฉา ความอาฆาตมาดร้าย

ยิ่งเห็นชาวบ้านเริ่มให้ความศรัทธาในคณะพระธุดงค์

เขาก็ยิ่งรุ่มร้อนใหญ่

ในการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะ กับ อธรรม นั้นก็แทบไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

ฝ่ายต่อต้านพยายามจะขับพระธุงค์คณะนี้ให้ออกไปจากท้องถิ่นของเขา

เช่น ยุแหย่ว่าเป็นพระบ้า วันทั้งวันเอาแต่นั่งหลับตา หรือไม่ก็เดินวนไปวนมา

อาหารก็เทรวมกันกินเหมือนหมูเหมือนหมา สารพัดที่จะพูดเพื่อให้คนอื่นคล้อยตาม

หนักเข้าก็เอาอาหารบูดเน่าสกปรกห่อใส่บาตร

บางรายหนักจริง ๆ เอาปืนยิงใส่สัตว์เล็กสัตว์น้อยเพื่อข่มขู่ให้พระกลัว

ญาติโยมที่ศรัทธาก็ทนดูไม่ได้ ไปว่ากล่าว ก็โดนตีรวนกลับมา

พระท่านก็ให้อภัยเสมอมา

 

เจ๊กฮวด พ่อค้าขายหมู และเปิดบ่อนเถื่อน ผู้ซึ่งต่อต้านพระธุดงค์

หลายคนก็เข้าร่วมกับเจ๊กฮวด เพียงเพื่อหวังกินฟรี

เจ๊กฮวดประกาศฉลองศาลปู่ตา 3 วัน 3 คืน ได้เตรียมงานอย่างใหญ่โต

แกกำหนดวันงานให้ตรงกับวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือน 6

เพราะพระป่าจะแสดงธรรมเทศนาโดยพระอาจารย์ของคณะพระธุดงค์

แกคุยว่าลองแข่งกัน ระหว่างพระผีบ้า กับ ดนตรีลิเก หนัง เหล้ายา

คนของใครจะมากกว่ากัน

 

แต่แล้วก่อนวันงานจะเริ่ม แกก็ป่วยกะทันหัน จนต้องล้มเลิกงาน

แกมีอาการชักกะตุกเป็นพัก ๆ

และกรีดร้องเสียงดังเหมือนหมูตอนที่ลูกลากเข้าสู่โรงฆ่าสัตว์

เวลาหายก็เป็นคนปกติ หาหมอก็ไม่พบสาเหตุ

ลิ่วล้อเมื่อเห็นลูกพี่ไม่ดีขึ้น ก็ค่อย ๆ หายตัวไปเหลือแต่คนในครอบครัวที่ดูแล

ร่างกายก็ทรุดโทรมไปเรื่อย ๆ กินไม่ได้ วัน ๆ ก็ตาลอย เหมือนพูดแต่พูดไม่ออก

หนักเข้าก็ไม่ยอมนุ่งเสื้อผ้า สารรูปดูไม่ได้ เนื้อตัวเน่าเฟะ มีกลิ่นเน่าเหม็น

ตกกลางคืนก็กรีดร้องเสียงดังไปไกลจนคนได้ยินขนหัวลุก

วันสุดท้ายของแกก็มาถึง ตกดึกวิ่งออกจากห้อง

ศพนอนจมปลักควาย หน้าสถานที่ตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ของคณะพระธุดงค์

2. พระตั้งผู้สงบนิ่ง

พระตั้งเป็นพระหนุ่มผู้ซึ่งออกพรรษาแล้วก็ยังคงมั่นคงในพระรัตนตรัย

ตั้งใจนั่งกรรมฐานตลอดเวลา และฉันมื้อเดียว เอาผ้าสีน้ำตาลเก่า ๆ มานุ่ง

และไม่รับนิมนต์ ชาวบ้านก็ไม่ชอบ และลือกันว่า “พระตั้งบ้า”

เวรกรรมกับพระ !?!https://3.bp.blogspot.com/-Xjh4mDkdgp4/V2FbjvQbAuI

กล่าวถึงคนรุ่นใหม่ และเชื่อในทางวิทยาศาสตร์ ...

นายเอิบ นายแดง นายเดช ด้วยคึกคะนองในวัยหนุ่ม ได้ก่อกรรม

กับพระตั้ง ...

 

มีการสอบพระปริยัติ และพระตั้งก็มาสอบด้วย

การปรากฏกายของพระตั้งดูเด่น และเกิดไฟไหม้จึงคิดว่าพระตั้งเป็นผู้ก่อเหตุ

และเนื่องจากพระตั้งเดินออกไปทางหน้าวัด

ผ่านหน้าป้อมที่ นายเอิบ นายแดง นายเดช เป็นคนเฝ้ายาม

นายเอิบถามพระตั้งด้วยคิดว่าเป็นพระบ้าจึงพูดไม่ดีนัก

แล้วก็ขอค้นบาตร คงคิดว่าเป็นพระเครื่องหรือของมีค่าที่ลักจากในวัด

พระตั้งก็ไม่ให้ดู ปากก็พูดเพียงว่า

อย่าทำเรา บาป เรามีแต่กิริยาไม่มีกรรม”

“อย่าทำเรา บาป” พระตั้งพูดแค่นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

1 ใน 3 ก็บันดาลโทสะ ตบพระ บาตรกระเด็น ข้าวของตกกระจาย

พระตั้งเซถลาหัวทิ่มลงในคูข้างทาง โดยก็ยังคงพูดคำเดิมว่า

“อย่าทำเรา บาป เรามีแต่กิริยา ไม่มีกรรม”

พูดไปเก็บของไป ทั้ง 3 คนเห็นว่าไม่มีของมีค่าอะไร ก็ปล่อยไป

คนเห็นเหตุการณ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอิสลามก็เฉย ๆ ไม่ทำอะไร

หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวพระตั้งอีกเลย


 ผลกรรมสนองคืน ได้ทราบเรื่องจากท่านเจ้าคณะอำเภอ

นายเอิบ ยิงตัวตายที่หน้าวัด นายแดง รถชนตายนายเดชมอเตอร์ไซต์คว่ำขาหัก

เหตุการณ์เกิดขึ้นในระยะใกล้เคียงกัน

ความไม่รู้ นำมาซึ่งความตาย ... 

3. หลวงพ่อตี๋ผู้หนีกรรมไม่พ้น

เป็นคนจีนที่พูดไทยไม่ชัด แต่สวดมนต์คล่องสุ่มเสียงอาจดูตลกสำหรับเด็กวัดในสมัยนั้น ต่างเอาคำพูดท่านเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่จริงๆ ท่านปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ไม่มีใครทราบประวัติของท่าน

วันหนึ่งท่านผูกคอฆ่าตัวตาย แล้วลูกสาวก็มาขอรับอัฐิ จึงเป็นที่มาของประวัติของหลวงพ่อตี๋

หลวงพ่อตี๋เป็นคนจีนที่เกาะไหหลำ เดินทางเข้ามาไทยด้วยเรือสำเภามาปักหลักทำมาหากินครั้งแรกทางภาคใต้และได้แต่งงานกับหญิงไทยที่ชุมพร ประกอบอาชีพได้เจริญรุ่งเรือง ต่อมาภรรยาเก่าจากเมืองจีนเดินทางมาหา ภรรยาใหม่ก็ให้อยู่ด้วย ต่อมาปีเศษ ลูกสาวและลูกชายอีก 2 คนก็มาหาอีก กลายเป็นปัญหาใหญ่ทำให้ต้องคอยหย่าศึก ไม่เป็นอันทำมาหากิน จึงหนีไปบวช

แต่เรื่องก็ไม่ยุติ ทรัพย์สินต้องแบ่งให้ภรรยาทางเมืองจีนด้วย ทางฝ่ายภรรยาเมืองไทยก็ไม่ยอม อ้างว่าก็มาแต่ตัว หลักฐานทั้งหมดเป็นของตน โดยเฉพาะลูกชาย2 คนไม่มีทางแบ่งให้ แต่ลูกสาวคนเล็กยินดีประนีประนอมให้

เหตุการณ์หนักหนาสาหัสที่ทำให้หลวงพ่อต้องออกจากชุมพรมาอยู่ที่เกาะสมุย เพราะภรรยาและลูกสาวทางเมืองจีนถูกฆ่าตายหมดด้วยการเผาบ้าน  เหลือแค่ลูกเขยที่พกความเจ็บแค้นเอาไว้ หลวงพ่อตี๋รู้ดีว่าเรื่องเป็นอย่างไร แต่ต้องปิดปากเงียบ ในฐานะเป็นพระจึงต้องระเหเร่ร่อนจากชุมพรหวังว่าเรื่องราวคงจะสงบไปเอง ส่วนตัวจะไม่ยุ่งเรื่องทางโลกอีก ก็เลยไปจำพรรษาอยู่ที่ศาลาร้างป่าช้าวัดนอก แต่กรรมซึ่งตัวเองเป็นผู้ก่อขึ้นก็ไม่ปล่อย ลูกเขยตามตัวมาจนพบ และบีบบังคับให้ไปสะสางเรื่องราวภรรยาให้ได้ หลวงพ่อจึงตัดสินใจผูกคอกับขื่อ เพราะไม่สามารถทำตามที่ลูกเขยบีบบังคับ

 

“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ : อาจารย์ยอด

https://www.youtube.com/watch?v=2mHHkjrB7gY

https://i.ytimg.com/vi/dA3xS7BIWQ8/hqdefault.jpg

http://www.kalyanamitra.org/th/images/dailydhamma/2557/11/571122_a101.jpg

https://3.bp.blogspot.com/-Xjh4mDkdgp4/V2FbjvQbAuI

แชร์