ให้ลูกน้อยช่วยทำงานบ้านเป็นผลดีกับชีวิตของลูก
งานบ้านเป็นขั้นตอนพัฒนาการที่สำคัญ มีเวลาวิกฤตที่จะฝึกง่ายและฝึกได้ในเวลาที่จำกัดตอนที่เขายังเล็กและเชื่อฟัง อยากอยู่กับพ่อแม่ อยากเล่นกับพ่อแม่ http://winne.ws/n10605
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เขียนถึงประโยชน์ที่ลูกน้อยช่วยทำการบ้านว่ามีประโยชน์มาก และมีวิธีที่จะทำให้ลูกน้อยช่วยทำงานบ้าน ดังนี้
งานบ้านเป็นขั้นตอนหนึ่งของพัฒนาการเด็ก ซึ่งอยู่ภายใต้หลักการพัฒนาทีละขั้นเช่นเดียวกับหลายๆเรื่อง กล่าวคือหากทำขั้นนี้ได้ดี ขั้นถัดไปก็จะง่ายและดีเอง
1.พัฒนาการเด็กเริ่มต้นที่ร่างกายของตนเองเป็นศูนย์กลาง ก่อนจะขยายออกไปภายนอกร่างกาย งานบ้านเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการนี้ เริ่มจากขั้นที่1คือ เด็กเล็กต้องได้รับการฝึกดูแลร่างกายของตนเอง ได้แก่ ฉี่ อึ กิน แปรงฟัน อาบน้ำ ถูขี้ไคล ฯลฯ การฝึกทำงานเรื่องร่างกายตัวเองนี้ เราใช้หลัก 1-ทำให้ดู 2-จับมือทำ 3-ทำด้วยกัน 4-ปล่อยเขาทำ
2.ขั้นที่2คือ เด็กเล็กต้องได้รับการฝึกทำงานบ้านรอบร่างกายของตัวเอง ได้แก่ เก็บที่นอน เทกระโถน เก็บยาสีฟันและแปรงสีฟัน เก็บผ้าเช็ดตัว โยนผ้าที่จะซักลงตะกร้า เอาผ้าในตะกร้าไปลงถังซัก ช่วยตากเสื้อผ้าของตัวเอง เก็บรองเท้า ล้างรองเท้า เก็บจานข้าวตนเองไปล้าง ฯลฯ จะเห็นว่าเริ่มเยอะ ทั้งหมดนี้ยังอยู่ใต้หลัก4ข้อ 1-ทำให้ดู 2-จับมือทำ 3-ทำด้วยกัน 4-ปล่อยเขาทำ
3.การดูแลร่างกายของตัวและการทำงานบ้านรอบร่างกายของตัวเป็นงานที่ทำให้สนุกได้ แต่ต้องการเวลาของพ่อแม่มาก ทั้งเวลาที่จะ "เล่นทำงานบ้านด้วยกัน" และเวลา "เก็บรายละเอียดในภายหลัง" งานนี้เหนื่อยกว่าและไม่ง่ายเท่าเล่นดินเล่นทรายหรืออ่านหนังสือก่อนนอน พ่อแม่จำนวนหนึ่งคิดว่าทำเองเร็วกว่า แต่นั่นท่านกำลังนำชีวิตของท่านเองเข้าสู่โหมด "สบายก่อนลำบากทีหลัง"
4.การดูแลร่างกายของตัวและการทำงานบ้านรอบร่างกายของตัวเป็นกระบวนการสำรวจ ร่างกายคือ body ไม่ใช่กระบวนการสร้างตัวตนคือ self อย่างไรก็ตามการคลุกคลีกับแม่เพราะต้องไล่จับทำความสะอาดร่างกายตนเองและจัดการของใช้ของตัวเองนี้ทำให้แม่ลูก แนบแน่น กันมากขึ้นไปอีก ย่อมส่งผลให้ทั้งแม่และตัวตนชัดเจนแจ่มแจ๋วและมั่นคงยิ่งขึ้น
5.ถัดจากงานบ้านรอบร่างกายของตัวเอง ขยับมาขั้นที่3คืองานบ้านในอาณาบริเวณของส่วนรวม นั่นคือกวาดบ้าน ถูบ้าน กวาดใบไม้ เก็บขี้หมา เทขยะ ล้างถ้วยล้างจานทั้งบ้าน เก็บถ้วยเก็บจานเข้าตู้ ฯลฯ งานเหล่านี้ล้วนฝึกใต้หลักการ4ข้อเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เด็กอายุเริ่มมากขึ้น และเขาพบแล้วว่า ไม่สนุก
6.นี่จึงเป็นโอกาสทองที่พ่อแม่จะได้ฝึกลูก "ทำงานที่ไม่ชอบและไม่สนุกให้เสร็จให้จงได้" งานนี้จะยากยิ่งขึ้นทุกปีที่เขาโตขึ้น แต่ถ้าพ่อแม่เป็นแบบอย่าง ทุกคนทำด้วยกัน เด็กเล็กกึ่งเด็กโตยังเป็นวัยว่านอนสอนง่าย เราเอาจริง เขาก็ทำ แม้ว่าจะไม่ชอบทำ
7.ตอนที่งานบ้านสนุกอยู่นั้น เขาเป็นเด็กเล็ก ทำไม่เบื่อเดี๋ยวก็เสร็จ พอเป็นเด็กเริ่มจะโต ขี้เกียจเป็นแล้ว เกี่ยงงานก็เป็น แต่เพราะพ่อแม่ไม่ยอมโอนอ่อน เขาก็จะทำ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพบว่างานที่ไม่น่าสนุกเหล่านี้กำลังขวางทางชีวิตของเขา เขาจะพัฒนาตนเองเข้าสู่โหมดวางแผน- กำหนดเป้าหมาย- วางแผนปฏิบัติการ -เลือกวิธีที่เร็วที่สุด -และเสร็จในเวลาที่กำหนด นี่คือจุดเริ่มต้นของทักษะวางแผน
8.หากพ่อแม่ตรวจงาน ล้างจานภาษาอะไรขอบจานมันวับ กวาดบ้านยังงัยฝุ่นยังเต็มอยู่ในมุม นั่นแปลว่าการทำงานให้เสร็จยังไม่พอ เขาต้องปรับปรุงแผนใหม่ทำให้เสร็จแล้วต้องสำเร็จอีกด้วย นั่นคือได้ทั้ง output และ outcome ที่ดี
9.จะเห็นว่างานบ้านในบ้านคือการฝึกคนให้สามารถทำงานที่ไม่ชอบและไม่สนุกให้สำเร็จเรียบร้อย ฝึกเขาให้เชี่ยวชาญตั้งแต่ในบ้าน เมื่อปล่อยเขาไปนอกบ้านเขาก็จะทำได้ และภูมิใจที่ตนเองทำได้ด้วย ถึงตอนนั้นเขาจึงจะเข้าใจว่าพ่อแม่โหดกับเขาทำไม
10.การวางแผนและกำหนดเป้าหมายของงานบ้านเป็นการวางแผนและกำหนดเป้าหมายของงานที่จับต้องได้ เป็นรูปธรรม เห็นกันชัดๆ ต้องกวาดถูบ้านและล้างจานให้สะอาดเรียบร้อยในเวลา 2 ชม ความสามารถนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นนามธรรมในภายหน้า เมื่อเขาเข้าสู่วัยรุ่นต้องวางแผนและกำหนดเป้าหมายชีวิต ปฏิบัติตามแผนและปรับเปลี่ยนแผนชีวิต ทำงานชีวิตให้เสร็จและสำเร็จในเวลาพอสมควร
งานบ้านจึงเป็นขั้นตอนพัฒนาการที่สำคัญ มีเวลาวิกฤตที่จะฝึกง่ายและฝึกได้ในเวลาที่จำกัดตอนที่เขายังเล็กและเชื่อฟัง อยากอยู่กับพ่อแม่ อยากเล่นกับพ่อแม่ กว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกหลอกให้ทำงานก็สายเสียแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: FB นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
ให้ลูกน้อยช่วยทำงานบ้านดีอย่างไร และทำได้อย่างไร?
นิตยสาร V Magazine ปีที่ 5 ฉบับที่ 19 กค-กย 2559