"เตรียมตัวตาย" เป็น..เขาทำกันอย่างไร ? เราจะช่วยผู้ที่..ใกล้จะตาย..ได้อย่างไร ?
"เตรียมตัวตาย" เป็น..เขาต้องทำกันอย่างไร ? แล้วเราจะช่วยผู้ที่..ใกล้จะตาย..ได้อย่างไร ? เช่นปู่ย่าตายาย ฯลฯ http://winne.ws/n5453
มีตัวอย่างอยู่ใกล้ ๆ วัดของเรานี่แหละ มีโยมอยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงกินเหล้าเมายาเล่นไพ่ก็ปานนั้น แล้วทั้งที่แกเป็นผู้หญิงปลาในคลองแกทอดแห แกลงเบ็ดเก่งใครสู้แกไม่ได้เชียว แต่แกก็อายุยืนเหมือนกันอายุ 80 กว่า พอใกล้จะตาย ความที่จับปลามาเยอะ ฮู้ไอ้โดมาแล้ว ชะโดมาแล้ว เปล่าหรอกแกอึ แล้วแกก็เอามาขยำเล่น ไอ้ ๆ ๆ โดมาแล้ว ลูกหลานสั่นหน้าเลย พอใกล้จะตายลูกหลานก็มาบอก ท่องพุทโธไปนะ แกว่า ไอ้โดอีกเรอะเลยไม่ได้ไปดีละอีงวดนี้ พุทโธนะพุทโธนะ ฮ้าไอ้โดอีกเหรอแล้วแกก็ขาดใจตายไป คงได้ไปเป็นไอ้โดอย่างว่าจริงเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นในทัศนะหนึ่ง การตายก็คือศึกชิงภพ ใคร ๆ ก็ไม่ควรประมาท ขึ้นชื่อว่าศึกสงครามมันมีแพ้มันมีชนะโอกาสแพ้มีโอกาสชนะมี กองทัพที่เตรียมมาดี ๆ วางหมากพลาดนิดเดียวมันก็มีโอกาสแพ้ได้ อย่าถือว่ามีกำลังมากแล้วจะชนะ มันไม่แน่ ไม่เชื่อไปถามอาหรับกะอิสราเอลดูซิ อิสราเอลมันมีกองทัพอยู่นิดเดียวอาหรับมีมากกว่าตั้งเยอะ ใคร ๆ ก็ว่าอิสราเอลตายแน่ เปล่าหรอกอาหรับกลับตายเอง ขึ้นชื่อว่าการรบแล้วมันมีแพ้มีชนะประมาทไม่ได้เพราะฉะนั้นทุกคนประมาทไม่ได้ เพราะว่า
1. ความตายไม่มีเครื่องหมายให้รู้ว่าจะตายเมื่อไรไม่รู้ เราทำดีมาตลอดแล้วพอดีจังหวะนั้นใจมันขุ่น แล้วตายตอนใจขุ่นเสร็จเลยไปไม่รอด อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องระวังความตายไม่มีเครื่องหมาย แต่ว่าอย่างไรทุกคนต้องตายแน่ๆ
2.อายุของคนเรานั้นสั้นนัก
อายุของคนเรานั้นสั้นนัก
อายุของคนเรา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า อายุของมนุษย์นั้นสั้นนัก อุปมาเหมือนน้ำค้างบนยอดหญ้าในยามเช้าพอสายหน่อยถูกแดดเข้าเดี๋ยวเดียวละแห้งหมดเลย ทำไมพระองค์จึงว่าอย่างนั้น ก็อายุเรามันตั้ง 50 60 70 ปี 80 ปี 90 ปีบางคนถึง 100 ยังมีเลย อายุคนตั้งยาวขนาดนั้นไม่ใช่หรือทำไมจึงบอกว่าเหมือนยังกับน้ำค้างบนยอดหญ้า เหมือนน้ำค้างบนยอดหญ้าจริงๆ เพราะชีวิตของคนนั้นไม่ได้ยืนยาวเหมือนที่เราคิดหรอก หายใจเข้าถ้าไม่หายใจออก ก็ตายไม่เหลือ ถ้าหายใจออกแล้วมันไม่เข้า ก็ตายถ้าทั้งหายใจไม่เข้าทั้งหายใจไม่ออกก็ตายเร็วหนักเข้าไปอีก แล้วก็ช่วงหายใจเข้าหายใจออกยาวๆ นี่แค่ 15 วินาที นี่อย่างยาวแล้วนะ นั่นคืออายุจริงๆของเรา อายุจริงๆของเราเท่าไร หายใจเข้า 15 วินาที หายใจออกอีก 15 วินาทีแค่นั้นแหละ ไม่ใช่เป็น 10 ปี ไม่ใช่เป็น 20 ปี เพียง 15 วินาทีมันพร้อมจะหยุดเมื่อไรก็ไม่รู้
เพราะฉะนั้นพุทธองค์จึงตรัสว่า ชีวิตของมนุษย์เหมือนน้ำค้างบนยอดหญ้าเช้าขึ้นมาโดนแสงแดดเดี๋ยวแห้งหมดแล้ว มองภาพตรงนี้ให้ชัด
1. ความตายไม่มีเครื่องหมายให้รู้
2. อายุนี่สั้นเหลือเกิน
3. กำหนดสถานที่ตายไม่ได้
กำหนดสถานที่ตายไม่ได้
สถานที่ตายนี่กำหนดไม่ได้ บางคนอุตส่าห์สร้างบ้านสร้างวังราคาเป็นล้าน 5 ล้าน 10 ล้าน ถึงเวลาตายปรากฏว่าถูกรถชนตายอยู่กลางถนนไม่ได้กลับบ้านราคาหลายล้าน บางคนไปตายที่ห้อง ICU ไม่ได้ตายที่บ้านอย่างที่ตัวคิดอันนี้เป็นข้อคิดที่ดีมากๆเลยที่จะทำให้เราละวางสิ่งที่ไม่ควร สิ่งที่ผิดที่สิ่งไม่ถูกต้องเสียเพราะแม้สถานที่ๆจะตายก็ยังกำหนดไม่ได้
แล้วขอฝากไว้ด้วยสำหรับหลาย ๆ คนว่า เวลาคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตาทวดของเราใกล้จะละโลกช่วยดูด้วย ถ้าแกไม่ไหวจริงๆละนะ อย่าไปฝืนใจให้ใส่สายระโยงระยางให้เกะกะเต็มไปหมด คอก็เจาะ พุงก็เจาะ จมูกก็เจาะ เจาะเสียพรุนเลย เดินผ่านไปแล้ว เอ๊ะนี่คนรึปลาหมึกยุ่มย่ามๆหลายท่อหลายสายเหลือเกิน ถ้าดูแล้วมันไม่ไหวจริงๆก็พาท่านเอามาตายกันที่บ้านดีกว่า อย่าเอาแกไปอยู่ในห้อง ICU แล้วพะงาบ ๆ ไม่มีคนจะคอยให้สติเลย
ถ้าอยู่ที่บ้านแล้วจะหนักหนาสาหัสอย่างไรก็ทนกันไป ใกล้ตายยังให้สติกันได้ จะพุทโธ จะสัมมาอะระหังหรือยังป่วยอยู่แต่พอมีแรงรู้อะไรได้ก็เอา แม่ ย่า ปู่พระมาแล้วข้าวปลาอาหารนี่เตรียมไว้ให้ตักบาตร ปู่อธิษฐานดีๆนะ แล้วพาท่านไปตักบาตร เราตั้งเนื้อตั้งตัวมาได้เพราะปู่เพราะย่าเก็บสมบัติไว้ให้ เก็บที่เก็บทางเก็บบ้านไว้ให้เรามีอยู่มีกินมีใช้
อะไรที่มีอยู่ในบ้านนี้ที่จริงแล้วของท่านทั้งนั้นเอ้าปู่ตักบาตรเป็นเสบียงติดตัวข้ามชาติไปแล้วก็เตรียมข้าวปลาอาหารก็ไว้ให้ปู่จับอธิษฐานให้ดี ถ้าพระมารับต่อหน้าได้ยิ่งดีจับมือแกให้แกจับทัพพีตักบาตรต่อหน้า ให้แกชื่นใจ แหมถ้าขาดใจตายตอนนั้นก็ไปดี แกนึกถึงที่ตักบาตของแกมาหยกๆเชียว ดีกว่า นอนพะงาบ ๆ มีสายระโยงระยางเป็นหนวดปลาหมึกอยู่ในโรงพยาบาล ถึงเวลาตายปุบปับนึกความดีอะไรไม่ออกทั้งสิ้น อย่างนี้เสียท่าเลย
ถ้ารู้ว่าอย่างไรแกไม่รอดหรอกเอากลับบ้านดีกว่า เหนื่อยหน่อยช่างเถิด เคยช่วยกันมาหลายรายแล้วดูพะงาบ ๆ ไปแน่ก็เอาท่านกลับมาอยู่บ้านเถอะ พอรู้ตัวอยู่ว่าจะให้ทำอย่างไร มีใบอนุโมทนาบัตรของแกบ้างไหม มี ก็เอาใบอนุโมทนาบัตรมาอ่านให้แกฟัง ปู่ๆไปทำนั่นทำนี่ไปสร้างศาลาวัดนั้นเงินเท่านี้ ปู่ได้ยินมั้ย พูดก็ไม่ได้ตาก็ไม่ลืม ถ้าแกยังเงียบอยู่ ถ้าปู่ได้ยินละกระพริบตาๆสักทีนึงซิ ปรากฏว่าแกกระพริบได้นิดนึง เอ้อแกได้ยิน เดี๋ยวถ้าปู่ได้ยินจริงๆกระพริบ 2 ที แกก็กระพริบ 2 ที อย่างนี้ก็เป็นต่อแล้ว
เราก็ทำอย่างนี้ทุกวันไปพอได้จังหวะ รู้สึกว่าแกนอนพักผ่อนพอสมควรแล้ว เดี๋ยวก็พูดอีกแล้ว ปู่ทำบุญ ๆ ไว้ที่นั่นที่นั่น ได้ยินมั้ย ได้ยินกระพริบตาด้วย 2 ที 3 ที ก็ว่าไปเรื่อย ปรากฏว่าความที่เตือนให้แกนึกถึงบุญอยู่อย่างนี้อยู่ต่อมาอีกเดือนสองเดือนเดี๋ยวแกลืมตาขึ้นมาแล้ว บุญมาต่อเนื่องกันไปลืมตาขึ้นมาได้อยู่ต่อได้อีก 3 ปี 5 ปี อย่างนี้ก็มีบางคนไม่ไหวแล้วแต่แกกระพริบตาได้ ก็เตือนให้แกนึกถึงบุญไปจนกระทั่งแกละโลกไปหน้ายิ้มไม่มีทุรนทุรายเลย อย่างนี้ก็ยังใช้ได้
เพราะฉะนั้นตรงนี้ขอฝากไว้ปู่ย่าตาทวดใคร พ่อแม่ใครใกล้จะละโลกแล้ว ถ้าดูว่าไม่ไหวแล้ว อย่าเอาแกไปไว้ที่โรงพยาบาลให้ใจขุ่นมัวไปนอนน้อยใจว่าทรัพย์สมบัติก็ทิ้งไว้ให้ลูกให้หลานตั้งเยอะ ดูซิใกล้ตายมันมาทิ้งเราอยู่โรงพยาบาลพะงาบ ๆ อยู่คนเดียว ไม่เห็นใจเราเลยน้อยใจลูกหลานจนกระทั่งขาดใจตาย น้อยใจ ใจขุ่นก็มีนรกเป็นที่ไปมองภาพตรงนี้ให้ชัดเชียว แล้วโอกาสที่จะทดแทนคุณพ่อคุณแม่ ทดแทนคุณปู่ย่าตาทวดมันอยู่ตรงนี้
มาช่วยแกทำศึกชิงภพ ใกล้ตายละกำลังหนุนของเรามีเท่าไรละเอาเลย ยังพอฟังอะไรได้เปิดเทปธรรมะให้ฟัง เทปนั่งสมาธิดีที่สุด หรือท่านชอบฟังธรรมะที่หลวงพ่อหลวงปู่ท่านใดเทศน์เอาอันนั้นมาให้ท่านฟัง หรือขณะที่ท่านนอนป่วยอยู่จะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างก็ไม่เป็นไร หรือจะเปิดเทปนั่งสมาธิก็ได้ หรือเอาเทปสวดอิติปิโส เทปสวดมนต์ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นนั่นแหละ เปิดให้แกฟังของแกไปหลับบ้างตื่นบ้างก็ยังดีตอนตายใจเกาะกับเสียงสวดมนต์แกก็ไปดีของแกได้
เรื่องของความตายนั้นทุกคนต้องตายแน่ ๆ แต่ว่า
1. มันไม่มีเครื่องหมายมันไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า
2. ที่จริงๆแล้วอายุคนเรามันสั้น
3. กำหนดสถานที่ตายไม่ได้ แล้วเวลาตายก็กำหนดไม่ได้
4. เวลาตายต้องตายไปคนเดียว
เวลาตายต้องตายไปคนเดียว ใครก็ไม่ตายไปด้วย ถึงแม้จะรักกันมาก จะโดดกองไฟตามกันไป ก็ต่างคนต่างไปกันอีกนั่นแหละบุญใครบาปใครมันไม่เหมือนกันก็ต่างคนต่างไป เพราะฉะนั้นใคร ๆ ก็ตายไปด้วยกันไม่ได้แต่ช่วยกันตอนศึกชิงภพก่อนตายได้ ช่วยอย่างที่ว่ามานี้
การเตรียมตัวตายให้เป็น
การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะเตรียมตัวตายให้เป็นเขาเตรียมอย่างไร
1. สิ่งแรกเลยรู้ว่าอะไรเป็นความชั่วทั้งเลิกทั้งละให้หมด ไม่เอาละ เคยเกะกะเกเรมาเท่าไรหยุดให้หมด
2. แล้วทำความดีให้เยอะ ๆ ใจจะได้ใส ใจจะได้เกาะอยู่กับบุญ ไม่เคยให้ทานก็ให้เสีย ไม่เคยให้อภัยใครก็ให้เสีย อย่าไปจองเวรจองกรรมกับใครไม่เคยรักษาศีลก็รีบรักษาเสีย เคยรักษาแค่ศีล 5 พรรษานี้ก็เริ่มรักษาศีล 8 ไม่ได้ตลอดพรรษาทุกวันพระก็ยังดี ถ้าเคยรักษาศีล 8 มาทุก ๆ วันพระทุกวันอาทิตย์ที่มาวัด มาหลาย ๆ ครั้งแล้ว พรรษานี้ก็ลองถือศีล 8 ตลอดพรรษาดูบ้างก็ได้ ไปวัดกำลังดูเองก็แล้วกัน ใจจะได้ใส
ไม่เคยนั่งสมาธิ ตั้งแต่นี้ไปขอให้นั่งสมาธิทุกคืน หรือเคยนั่งสมาธิมาคืนละ 15 นาที พรรษานี้ก็นั่งสมาธิสักคืนละหนึ่งชั่วโมงทุกคืน เพิ่มความดีเข้าไปเรื่อยๆ ใจจะได้ใสแต่ใจใสเฉพาะตัวเองยังไม่พอต้องสอนลูกสอนหลานด้วยว่าถึงคราวตายเราจะต้องตายแน่ๆ ก็สอนให้ลูกหลานมาช่วยทำศึกชิงภพด้วย ให้เขามาคอยตอนเราใกล้ๆจะตาย มาคอยบอกสัมมาอะระหังให้ปู่ให้ย่า อย่างนี้ก็ยังพอไปได้
ให้ลูกหลานคอยมาบอกว่าย่าจำได้มั้ย เคยไปนั่งสมาธิที่ไหนมาบ้าง เอ้อ จำได้แค่จำได้ก็ยังไปได้อีกไกลเชียว ย่าจำได้มั้ยเคยสร้างโบสถ์สร้างศาลาที่วัดนั้นวัดนี้ นั่นแหละยังส่งท่านไปอีกไกลเชียว ย่าจำได้มั้ย เคยไปสร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียนถ้าจำได้ก็กระพริบตา 2-3 ครั้ง ทั้ง ๆ ที่พูดไม่ได้แต่ผู้เฒ่าก็อาศัยบุญอันนั้นแหละเกาะติดตัวไปได้อีกไกลเชียว
ตัวเราเองก็เตรียมให้พร้อมลูกหลานก็สอนให้เขา ถึงคราวเขาเองก็จะได้ช่วยตัวเองได้ แล้วถ้าเขามีน้ำใจมาช่วยเราตอนใกล้จะตายคอยเชียร์ คอยให้กำลังใจเราตอนนั้น ช่วยกันในศึกชิงภพ เข้าท่าหยอกใคร
ขอบคุณภาพจากwww.google.com