วันนี้วันพระขึ้น 15 ค่ำ ทำบุญให้หมู่ญาติที่ล่วงลับ
การทำบุญนึกน้อมส่งไปให้หมู่ญาติผู้ที่ละโลกไปแล้ว หรือที่เรียกว่า ปุพพเปตพลี เป็นสิ่งที่ลูกหลานพึงกระทำ http://winne.ws/n28418
พิธีปุพพเปตพลี เป็นการทำบุญที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดังเช่นครั้งหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารราชาแห่งแคว้นมคธ ได้กราบทุลอาราธนาสมเด็จพระศาสดาและนิมนต์คณะสงฆ์ไปรับมหาทานที่พระราชนิเวศน์ เพื่อทำพิธีอุทิศส่วนกุศลแก่หมู่ญาติของพระองค์ เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายผ้าและไทยธรรมต่างๆ และทรงอุทิศพระราชกุศลแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
ในครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบันดาลให้พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวารเห็นว่าหมู่ญาติที่ไปเกิดเป็นเปรตทั้งหลายมีสภาพเช่นไร หลังจากได้รับผลบุญที่อุทิศไปให้แล้ว กล่าวคือ ในขณะที่พระเจ้าพิมพิสารทรงหลั่งน้ำทักษิโณทกนั้น มีสระโบกขรณีที่เต็มไปด้วยดอกปทุมอันสวยงามบังเกิดขึ้นในบรรดาเปรตเหล่านั้นได้ดื่มกินน้ำและอาบชำระล้างร่างกาย เมื่อดื่มแล้วก็บรรเทาความกระหาย เมื่ออาบแล้วก็มีผิวพรรณเหลืองอร่ามดุจทองเนื้องาม ร่างกายที่พิกลพิการก็กลับคืนดังคนปกติ และเมื่อได้รับอาหารคาวหวานที่เป็นทิพย์ ก็ทำให้ร่างกายที่ผ่ายผอมมีน้ำมีนวล อิ่มเอิบ
อย่างไรก็ตาม ฝูงเปรตเหล่านั้นยังมิได้มีผ้านุ่งผู้ห่ม พระเจ้าพิมพิสารจึงกราบทูลถามพระบรมศาสดาว่าจะทำประการใด พระพุทธองค์ตรัสว่า ให้ถวายผ้าสบง จีวรและผ้านิสีทนะแด่พระภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าพิมพิสารจึงรับสั่งให้บริวารจัดหาผ้านุ่ง ผู้ห่ม ผ้ารองนั่งมาถวายแด่คณะพระภิกษุซึ่งมีพระสัมมาสัมพุทะเจ้าเป็นประมุข แล้วทรงอุทิศผลบุญนั้นแก่หมู่เปรต เมื่อเปรตทั้งหลายได้รับผลบุญแล้วจึงเปล่งสาธุการ และพากันเข้าไปอยู่ในวิมาน เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้เห็นอานิสงส์ของการให้ทานและการอุทิศผลบุญแก่หมู่ญาติก็ทรงมีความรื่นเริงยินดี เลื่อมใสศรัทธาในการทำทานมากยิ่งขึ้น
ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาทรงอนุโมทนาด้วยพระคาถาอันปรากฏในติโรกุฑฑสูตรตอนหนึ่งว่า
"อทาสิ เม อกาสิ เม ญาติมิตฺตา สขา จ เม เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ ฯ"
ซึ่งหมายถึงว่า เมื่อบุคคลระลึกถึงความดีของบุพการีตลอดจนญาติมิตรผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้วทั้งหลาย พึงทำบุญอุทิศไปให้ เพราะบุญย่อมก่อให้เกิดประโยชน์และความสุขยิ่งกว่าการร้องไห้พิไรรำพัน นอกจากนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีและเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอีกด้วย
ขอบคุณเนื้อหา DMC.TV