การเข้าถึงพุทธภาวะแบบเซน
ทุก ๆ คน ต่างก็มีพุทธภาวะอันหนึ่งอันเดียวกับสมเด็จพระศากยมุนี ควรแก่การเคารพบูชาเช่นเดียวกับพระองค์เหมือนกัน ศิษย์จะได้เห็นความสำคัญในตัวเอง หันมาปัดล้างกิเลสที่จับหุ้มพุทธภาวะ ให้หมดไปในจิตของตน ไม่ http://winne.ws/n14879
การเข้าถึงพุทธภาวะแบบเซน
การเข้าถึงพุทธภาวะแบบเซน
พระโพธิธรรม (พู่ที้ตับม๊อ) ท่านปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิหันหน้าเข้าหาข้างฝานานถึง 9 ปี ภายในวัดเซียวลิ่มยี่ ณ ภูเขาซงซัว แล้วได้รู้แจ้งธรรมภายใน จึงนำมาสั่งสอนศินยานุศิษย์ว่า
“สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีอมตจิตเป็นมูลการณะ สิ่งทั้งหลาย เป็นปรากฏการณ์ของอมตภาวะนี้เท่านั้น อมตภาวะนี้มีอยู่ทั่วไปในสรรพชีวะทั้งหลาย อมตภาวะนี้แผ่ครอบคลุมทั่วทุกหนแห่งไม่มีขีดจำกัด และสรรพสิ่งจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เรียกว่าชีวิตเป็นหนึ่ง คือมีมูลภาวะอันเดียวกัน
อมตภาวะนี้ คือจิตของเรานั่นเอง แต่เป็นแก่นอันแท้จริงของจิตของเรา จิตนั้นไม่เกิดดับ ที่เกิดดับเป็นเพียงปรากฏการณ์ซึ่งเป็นมายาหาใช่ภาวะจิตที่แท้จริงไม่”
ลักษณะของจิตนี้เป็นอย่างไร? ดังคำอธิบายของท่านอาจารย์เซนองค์หนึ่งของญี่ปุ่นว่า
“มหึมาจริงหนอ เจ้าจิต! ฟ้าที่สูงไม่อาจประมาณถึงสุดได้แล้ว แต่จิตก็อยู่พ้นฟ้านั้นขึ้นไปอีก แผ่นดินที่หนาไม่อาจวัดได้ แต่จิตก็อยู่พ้นแผ่นดินนั้นลงไป แสงสว่างของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ไม่อาจข้ามได้ แต่จิตก็อยู่พ้นแสงสว่างของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์นั้นไปอีก โลกธาตุทั้งปวงอันมีปริมาณดุจเม็ดทราย ไม่มีที่สิ้นสุด แต่จิตก็อยู่นอกเหนือจักรวาลทั้งหลายนั้นไปอีก จะว่าเป็นอวกาศหรือ จะว่าเป็นภาวะธาตุหรือ จิตนี้ครอบงำอวกาศ ทรงไว้ซึ่งภาวะธาตุเดิม อาศัยตัวของเรา ฟ้าจึงครอบจักรวาล แลดินจึงรองรับ (จักรวาล) อาศัยตัวเรา ดวงอาทิตย์แลดวงจันทร์จึงหมุนเวียนไป อาศัยตัวเรา ฤดูทั้ง 4 จึงมีการเปลี่ยนแปลง และอาศัยตัวเรา สรรพสิ่งจึงอุบัติขึ้น
มหึมาจริงนะ เจ้าจิตนี่ ! ข้าจำเป็นต้องให้นามบัญญัติเจ้าละว่า เอกปรมัตถสัจจะ หรือ ปรัชญาสัจลักษณ์ หรือ เอกสัตยธรรมธาตุ หรือ อนุตตรสัมโพธิ หรือ ศูรางคมสมาธิ หรือ สัมมาธรรมจักษุครรภ์ หรือ นิพพานจิต”
นิกายเซนถือว่า `พระพุทธองค์กับสรรพสัตว์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะจิตธาตุอันนี้ สรรพสัตว์ยังมีอวิชชาหลงยึดถือเอาใจเกิดดับ ซึ่งเป็นเพียงอาการมายาอันเกิดจากการปรุงแต่งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย มาเป็นตัวตน เห็นเป็นจริงเป็นจังไป จึงเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ต้องหมุนเวียนตายเกิดมิรู้สิ้นรู้หยุดได้ ต่อเมื่อไหร่มีปัญญารู้แจ้งว่า แท้จริง ตนนั้นหาเกิดดับไม่ เป็นของวิสุทธิปลอดโปร่งผุดผ่อง ก็จะเป็นทางสู่ความหลุดรอด’
นิกายเซนว่า `ตนที่เกิดดับนั้นเป็นตนในขันธ์ 5 ต้นที่ไม่เกิดดับนั้นเป็นผู้รู้ขันธ์ วางขันธ์ ปล่อยขันธ์ สมมติอัตตา ได้แก่ขันธ์ 5 , สัตยอัตตา ได้แก่ตัวอมตจิต พุทธภาวะนี้แหละ การที่จะให้หายโง่รู้แจ้งเห็นจริงในสัตนภาวะนี้ ก็ต้องปฏิบัติด้วยตนเอง จะพึ่งพาปริยัติได้ก็เพียงเครื่องมือ และปริยัตินั้นยังเป็นอุปสรรคแก่การบรรลุโพธิ ถ้าหากผู้เรียนเกิดติดขึ้นมา’
คณาจารย์เซนเล่าว่า `สมัยราชวงศ์ถัง อาจารย์เซนชื่อ ตังเฮี้ย ได้นำพระพุทธรูปมาเผาในกองไฟ สมภารวัดตกใจถามว่า เหตุไฉนจึงทำดังนั้น ตอบว่าเผาเพื่อต้องการหาพระสารีริกธาตุ สมภารก็ว่าพระพุทธรูปไม้จะหาพระธาตุได้แต่ไหน ท่านจึงตอบว่างั้นจะเผาอีก 2-3 องค์’
คำกล่าวอันน่าตกใจเช่นนี้ นิกายเซนอธิบายว่าเพื่อให้ศิษย์ผู้ปฏิบัติรู้ตัวว่า ความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกควรแก่การบูชานั้น มิใช่แต่จะเป็นองค์สมเด็จพระศากยมุนีเท่านั้น แท้จริงเราทุก ๆ คน ต่างก็มีพุทธภาวะอันหนึ่งอันเดียวกับสมเด็จพระศากยมุนี ควรแก่การเคารพบูชาเช่นเดียวกับพระองค์เหมือนกัน ศิษย์จะได้เห็นความสำคัญในตัวเอง หันมาปัดล้างกิเลสที่จับหุ้มพุทธภาวะ ให้หมดไปในจิตของตน ไม่นึกว่ามีแต่พระพุทธเจ้าพระองค์อื่นข้างภายนอกเท่านั้น (คือ การทำความสะอาดพระพุทธรูป หรือพุทธภาวะภายใน)
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
https://timeline.line.me/post/_dcw9JhabIy0A3WWc-L7pW-GZF1h8I5m0vZkN50I/1149232094803069836